ในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ได้นิยามวัตถุอันตรายหมายถึงวัตถุต่อไปนี้
1 วัตถุระเบิด (explosives)
2 วัตถุไวไฟ (flammable)
3 วัตถุออกซิไดซ์ (oxidizing)
4 วัตถุมีพิษ (toxic)
5 วัตถุที่ทำให้เกิดโรค (harmful)
6 วัตถุกัมมันตรังสี (radioactive)
7 วัตถุที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม (mutagenic)
8 วัตถุกัดกร่อน (corrosive)
9 วัตถุที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (irritant)
10 วัตถุอื่นๆ คือเคมีภัณฑ์ หรือสิ่งอื่นใดที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อบุคคล สัตว์ หรือ สิ่งแวดล้อม
วัตถุอันตรายต้องมีการติดฉลากไว้ให้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะในการขนส่ง ดังนั้นองค์การสหประชาชาติ (UN)ได้แบ่งวัตถุอันตรายออกเป็น 9 ประเภทสำหรับการขนส่ง (ขันทอง,2549)
ประเภทที่ 1 วัตถุระเบิด (explosives)
เป็นวัตถุที่สามารถระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน ประกายไฟ เปลวไฟ หรือเมื่อเกิดการเสียดสี กระทบกระเทือน แบ่งออกเป็น 6 หมวดคือ
หมวด 1.1 วัตถุหรือสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรง
หมวด 1.2 วัตถุหรือสิ่งของที่อาจก่ออันตรายโดยกรรกระจายของสะเก็ดระเบิด
หมวด 1.3 วัตถุหรือสิ่งของซึ่งอาจก่ออันตรายจากเปลวไฟ มีอันตรายจากการระเบิดเล็กน้อย
หมวด 1.4 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ก่ออันตรายมาก แต่อาจติดไฟหรือประทุได้ระหว่างการขนส่ง
หมวด 1.5 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ไวต่อการระเบิด แต่อาจเกิดการลุกไหม้และนำไปสู่การระเบิดได้เมื่อมีจำนวนมาก
หมวด 1.6 วัตถุไม่ไวไฟ มีการกระจายของวัตถุน้อยมาก
ประเภทที่ 2 แก็ส (gases)
วัตถุอยู่ในสถานะแก็สอัดภายในความดัน หรือแก็สที่ผสมกับตัวทำละลายที่อัดภายใต้ความดัน แบ่งออกเป็น 3 หมวด
หมวด 2.1 แก็สไวไฟ (flammable gases) เป็นแก็สที่ติดไฟง่ายเมื่อได้รับความร้อน หรือมีเปลวไฟ
หมวด 2.2 แก็สไม่ติดไฟ ไม่เป็นพิษภายใต้ความดัน แต่อาจเกิด ระเบิดได้เมื่อถูกกระแทกอย่างแรง
หมวด 2.3 แก็สพิษ (toxic gases) เป็นแก็สเมื่อสูดดมหรือหายใจเข้าไป จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจทำให้เสียชีวิตได้ ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ (flammable liquid) เป็นของเหลว หรือของเหลวผสม หรือของเหลวที่มีสารแวนลอย ไอของสารเหล่านี้สามารถติดไฟได้ที่อุณหภูมิ 61 องศาเซลเซียส
แบ่งออกเป็น 3 หมวด
หมวด 3.1 ของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส
หมวด 3.2 ของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟตั้งแต่ -18 องศาเซลเซียส ถึง 23 องศาเซลเซียส หมวด 3.3 ของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟตั้งแต่ 23 องศาเซลเซียส จนถึง 61 องศาเซลเซียส ประเภทที่ 4 ของแข็งไวไฟ (flammablesolid) แบ่งออกเป็น 3 หมวด
หมวด 4.1 ของแข็งไวไฟ ติดไฟได้ง่ายในบริเวณที่มีประกายไฟเปลวไฟทำให้เกิดการเผาไหม้
หมวด 4.2 วัตถุที่อาจลุกไหม้ได้เอง หรือสัมผัสกับอากาศแล้วเกิดการลุกไหม้ได้
หมวด 4.3 วัตถุที่สัมผัสกับน้ำแล้วให้เกิดแก๊สไวไฟ และแก็สที่เกิดขึ้นไวไฟ
ประเภทที่ 5 วัตถุออกซิไดซ์และวัตถุเพอร์ออกไซด์ (oxidizing substances
and organic peroxides) แบ่งออกเป็น 2 หมวด หมวด 5.1 วัตถุออกซิไดซ์ เป็นวัตถุที่ทำให้เกิดกระบวนการออกซิเดชัน หรือให้ออกซิเจน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้กับวัตถุบางชนิด
หมวด 5.2 วัตถุเพอร์ออกไซด์ เป็นวัตถุที่มีออกซิเจนในโครงสร้าง
2 ตัว เป็นวัตถุที่ไม่เสถียร สามารถสลายตัวให้ความร้อนอย่างรวดเร็วด้วย ตัวเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดระเบิดหรือเกิดลุกไหม้ได้ ประเภทที่ 6 วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ (toxic and infection substances) แบ่งออกเป็น 2 หมวด หมวด 6.1 วัตถุมีพิษ เป็นวัตถุที่อาจทำให้เสียชีวิต หรือการเจ็บป่วย รุนแรงเมื่อเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัส กลืนกิน หรือหายใจ
ประเภทที่ 7 วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ (radioactive substances)
เป็นวัตถุที่สลายตัวแล้วให้รังสีออกมา ซึ่งรังสีมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ประเภทที่ 8 วัตถุกัดกร่อน (corrosive substances)เป็นวัตถุที่สามารถทำลายเนื้อเยื่อได้ บางชนิดไอระเหยอาจก่อให้เกิด การระคายเคืองต่อจมูกและตา
ประเภทที่ 9 วัตถุอันตรายอื่นๆวัตถุอันตรายที่ไม่จัดในประเภท 1 ถึง 9
ตาราง 2.1 การจัดกลุ่มสารเคมีตามระบบ GHS
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น