วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

2.2 วัตถุอันตราย

ในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.. 2535 ได้นิยามวัตถุอันตรายหมายถึงวัตถุต่อไปนี้
วัตถุระเบิด (explosives)
วัตถุไวไฟ (flammable)
วัตถุออกซิไดซ์ (oxidizing)
วัตถุมีพิษ (toxic)
วัตถุที่ทำให้เกิดโรค (harmful)
วัตถุกัมมันตรังสี (radioactive)
วัตถุที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม (mutagenic)
วัตถุกัดกร่อน (corrosive)
วัตถุที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (irritant)
10 วัตถุอื่นๆ คือเคมีภัณฑ์ หรือสิ่งอื่นใดที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อบุคคล สัตว์ หรือ สิ่งแวดล้อม
            วัตถุอันตรายต้องมีการติดฉลากไว้ให้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะในการขนส่ง ดังนั้นองค์การสหประชาชาติ (UN)ได้แบ่งวัตถุอันตรายออกเป็น 9 ประเภทสำหรับการขนส่ง (ขันทอง,2549)
            ประเภทที่ วัตถุระเบิด (explosives)
            เป็นวัตถุที่สามารถระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน ประกายไฟ เปลวไฟ หรือเมื่อเกิดการเสียดสี กระทบกระเทือน แบ่งออกเป็น 6 หมวดคือ
             หมวด 1.1 วัตถุหรือสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรง
            หมวด 1.2 วัตถุหรือสิ่งของที่อาจก่ออันตรายโดยกรรกระจายของสะเก็ดระเบิด
            หมวด 1.3 วัตถุหรือสิ่งของซึ่งอาจก่ออันตรายจากเปลวไฟ มีอันตรายจากการระเบิดเล็กน้อย
            หมวด 1.4 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ก่ออันตรายมาก แต่อาจติดไฟหรือประทุได้ระหว่างการขนส่ง

            หมวด 1.5 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ไวต่อการระเบิด แต่อาจเกิดการลุกไหม้และนำไปสู่การระเบิดได้เมื่อมีจำนวนมาก

หมวด 1.6 วัตถุไม่ไวไฟ มีการกระจายของวัตถุน้อยมาก


            ประเภทที่ แก็ส (gases)
            วัตถุอยู่ในสถานะแก็สอัดภายในความดัน หรือแก็สที่ผสมกับตัวทำละลายที่อัดภายใต้ความดัน แบ่งออกเป็น 3 หมวด
            หมวด 2.1 แก็สไวไฟ (flammable gases) เป็นแก็สที่ติดไฟง่ายเมื่อได้รับความร้อน หรือมีเปลวไฟ



            หมวด 2.2 แก็สไม่ติดไฟ ไม่เป็นพิษภายใต้ความดัน แต่อาจเกิด ระเบิดได้เมื่อถูกกระแทกอย่างแรง









หมวด 2.3 แก็สพิษ (toxic gases) เป็นแก็สเมื่อสูดดมหรือหายใจเข้าไป
จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจทำให้เสียชีวิตได้                                                                                              


                     

ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ (flammable liquid)
เป็นของเหลว หรือของเหลวผสม หรือของเหลวที่มีสารแวนลอย          
ไอของสารเหล่านี้สามารถติดไฟได้ที่อุณหภูมิ 
61 องศาเซลเซียส               
แบ่งออกเป็น 3 หมวด

 หมวด 3.1 ของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส
            หมวด 
3.2 ของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟตั้งแต่ -18 องศาเซลเซียส ถึง 23 องศาเซลเซียส
            หมวด 
3.3 ของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟตั้งแต่ 23 องศาเซลเซียส จนถึง 61 องศาเซลเซียส




            ประเภทที่ ของแข็งไวไฟ (flammablesolid)
            แบ่งออกเป็น 
หมวด
      หมวด 4.1 ของแข็งไวไฟ ติดไฟได้ง่ายในบริเวณที่มีประกายไฟเปลวไฟทำให้เกิดการเผาไหม้





           
         หมวด 4.2 วัตถุที่อาจลุกไหม้ได้เอง หรือสัมผัสกับอากาศแล้วเกิดการลุกไหม้ได้          



              หมวด 4.3 วัตถุที่สัมผัสกับน้ำแล้วให้เกิดแก๊สไวไฟ และแก็สที่เกิดขึ้นไวไฟ          




          


ประเภทที่ วัตถุออกซิไดซ์และวัตถุเพอร์ออกไซด์ (oxidizing substances
and organic peroxides)

            แบ่งออกเป็น 
หมวด     


หมวด 5.1 วัตถุออกซิไดซ์ เป็นวัตถุที่ทำให้เกิดกระบวนการออกซิเดชัน
หรือให้ออกซิเจน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้กับวัตถุบางชนิด







หมวด 5.2 วัตถุเพอร์ออกไซด์ เป็นวัตถุที่มีออกซิเจนในโครงสร้าง 
ตัว เป็นวัตถุที่ไม่เสถียร สามารถสลายตัวให้ความร้อนอย่างรวดเร็วด้วย    
ตัวเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดระเบิดหรือเกิดลุกไหม้ได้



  


ประเภทที่ วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ (toxic and infection substances)
แบ่งออกเป็น 
หมวด










หมวด 6.1 วัตถุมีพิษ เป็นวัตถุที่อาจทำให้เสียชีวิต หรือการเจ็บป่วย
รุนแรงเมื่อเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัส กลืนกิน หรือหายใจ




               
หมวด 6.2 วัตถุติดเชื้อ เป็นวัตถุที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค
ในมนุษย์หรือสัตว์           





ประเภทที่ วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ (radioactive substances)
เป็นวัตถุที่สลายตัวแล้วให้รังสีออกมา ซึ่งรังสีมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น




           
            ประเภทที่ วัตถุกัดกร่อน (corrosive substances)เป็นวัตถุที่สามารถทำลายเนื้อเยื่อได้ บางชนิดไอระเหยอาจก่อให้เกิด  การระคายเคืองต่อจมูกและตา


           
            ประเภทที่ วัตถุอันตรายอื่นๆวัตถุอันตรายที่ไม่จัดในประเภท ถึง 9


ตาราง 2.1 การจัดกลุ่มสารเคมีตามระบบ GHS

อันตรายด้านกายภาพ
อันตรายด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
      1.วัตถุระเบิด (explosive)
      2.แก็สไวไฟ (flammable gases)
      3.ละอองลอยไวไฟ (flammable aerosols)
      4. แก็สออกซิไดซ์ (oxidizing gases)
      5.แก็สภายใต้ความดัน (gas under pressure)
      6. ของเหลวไวไฟ (flammable liquid)
      7.ของแข็งไวไฟ (flammable solid)
      8. สารที่ทำปฏิกิริยาด้วยตนเอง (self-reactive substance)
       9. ของเหลวที่ติดไฟง่ายในอากาศ
      10.ของแข็งที่ติดไฟง่ายในอากาศ (pyrophoric solid)
      11.สารที่เกิดความร้อนได้เอง (self-heating substance)
      12.สารให้แก็สไวไฟเมื่อสัมผัสกับน้ำของเหลวออกซิไดซ์(hypergolic substance)
      13.ของเหลวออกซิไดซ์ (oxidizing liquid)                    
      14.ของแข็งออกซิไดซ์ (oxidizing solid)
       15.สารเพอร์ออกไซด์อินทรีย์ (organic peroxide)
      16.สารกัดกร่อนต่อโลหะ (corrosive to metal)
        1.สารพิษเฉียบพลัน(acute toxicity)
      2.สารกัดกร่อนหรือระคายเคืองต่อผิวหนัง (skin corrosion/irritation)
     3.สารอันตรายร้ายแรง/ระคายเคืองต่อตา (serious eye damage/eye irritation)
      4. สารที่ทำให้เกิดการแพ้ต่อผิวหนังหรือทางเดินหายใจ (respiration or skin sensitizer)
      5. สารก่อการกลายพันธุ์ (germ cell mutagenicity)
      6. สารก่อมะเร็ง (carcinogen)
      7. ต่อระบบสืบพันธ์ (reproductive toxicity)
      8. สารพิษต่อระบบอวัยวะเฉพาะที่ จากการสัมผัสเพียงครั้งเดียว (specific target organ systemic toxicity)
      9.สารพิษต่ออวัยวะเฉพาะที่จากการสัมผัสซ้ำหลายครั้ง   (repeated exposure)
      10. สารอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในน้ำ (hazardous to the aquatic environment)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น