สัญลักษณ์สารเคมีที่ใช้ในการติดบนบรรจุภัณฑ์สารเคมีที่นิยมใช้ในยุโรป ตามข้อตกลงของ EU และนอกจากนี้ยังมีการใบ้สัญลักษณ์ในระบบ GHS (The gobally harmonized system of classification and labeling of chemical)
ในปี พ.ศ. 2545 การประชุมสุดยอดว่าด้วยว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ.ประเทศแอฟริกา ได้มีการกำหนดระบบการจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมี และการติดฉลาก GHS ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้มีการนำไปใช้ภายในปี พ.ศ. 2551 โดยการจัดกลุ่มสารเคมีแบ่งเป็นอันตรายทางกายภาพ 16 ประเภท และอันตรายด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 10 ประเภท ดังแสดงในตาราง 2.1
จุดมุ่งหมายของระบบ GHS คือ
ก. เพื่อยกระดับการป้องกันอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม โดยจัดให้มีระบบที่เข้าใจง่ายในการสื่อสารข้อมูลและอันตรายของสารเคมี
ข. เป็นแนวทางให้กับประเทศที่ยังไม่มีระบบการจัดกลุ่มสารเคมีและการติดฉลาก
ค. ลดความซ้ำซ้อนของการทดสอบและการประเมินสารเคมี
ง. อำนวยความสะดวกในด้านการค้าระหว่างประเทศ สำหรับสารเคมีที่ได้ประเมินและจำแนกแล้วตามเกณฑ์พื้นฐานระหว่างประเทศ
สัญลักษณ์สารเคมี ตามระบบ EU และเปรียบเทียบกับระบบ GHS แบ่งออกได้ดังนี้
1. วัตถุระเบิด (explosives)
สารเคมีที่เกิดปฏิกิริยาแล้วให้ความร้อนหรือแก็สอย่างรวดเร็ว หรือเมื่อได้รับความร้อนในสภาวะจำกัดจะเกิดการระเบิดหรือเผาไหม้อย่างรุนแรง เช่น แอมโมเนียมไดโครเมทแอมโมเนียมไนเทรท
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการกระแทก เสียดสี แหล่งกำเนิด ประกายไฟ ความร้อน
ระบบ EU GHS
2. วัตถุออกซิไดซ์ (oxidizing)
สารเคมีที่สามารถเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน และให้แก็สออกซิเจนซึ่งมีความเสี่ยง
ต่อการเกิดไฟไหม้ได้
ต่อการเกิดไฟไหม้ได้
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงกับการสัมผัสกับสารเคมีที่ไวไฟ ระวังอันตรายจากการจุดติดไฟ
3. วัตถุไวไฟสูง (highly flammable)
ของเหลวหรือของแข็งที่สามารถเกิดติดไฟได้ง่าย เมื่ออยู่ในบริเวณที่มีความร้อนสูง มีเปลวไฟ หรือมีประกายไฟ
ข้อควรระวัง เก็บให้ห่างจากเปลวไฟ ประกายไฟ และความร้อน
4. วัตถุไวไฟสูงมาก (extremely flammable)
ของเหลวหรือของแข็งที่สามารถลุกติดไฟได้ง่ายเมื่อมีความร้อน เปลวไฟ หรือมีประกายไฟ
5. วัตถุมีพิษ (toxic)
การสูดดม กลืนกิน หรือดูดซึมผ่านผัวหนังในปริมาณเล็กน้อยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรืออาจถึงตายได้ กรณีได้รับสารปริมาณมากหรือสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเกิดอาการรุนแรง อาจก่อให้เกิดมะเร็ง การทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ และก่อการกลายพันธุ์
ความรุนแรงของพิษขึ้นอยู่กับปัจจัย 5 ประการ
1. ปริมาณสารมิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวในหน่วยกิโลกรัม (dose, D mg/Kg)
2. อัตราการดูดซึมสารของร่างกาย
3. อัตราการขับถ่าย
4. คุณสมบัติของสาร
5. การตอบสนองของแต่ละบุคคล
ระบบ EU
GHS
สัญลักษณ์ สารก่อมะเร็ง
6. วัตถุมีพิษรุนแรง (very toxic)
สารที่ก่อให้เกิดอันตรายสูงต่อชีวิต
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงกับการสัมผัสโดยตรง ให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ สวมถุงมือ และหน้ากากเมื่อทำการทดลอง
ระบบ EU
สารเมื่อสูดดม กลืนกิน หรือซึมผ่านผิวหนังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพแบบเฉียบพลัน หรือเรื้อรังอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสม อาจมีผลก่อให้เกิดมะเร็ง ก่อการกลายพันธุ์ หรือมีพิษต่อระบบสืบพันธุ์
ความปลอดภัยเกี่ยวกับสารเคมีและความปลอดภัย
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงกับการสัมผัสกับร่างกายทุกรูปแบบ ให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ระบบ UE
Xn
8 วัตถุระคายเคือง ( irritant)
เมื่อสัมผัสหรือสูดดม อาจก่อให้เกิดอาการบวม เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองต่อตาหรือผิวหนัง
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงกับการสัมผัสดวงตา ผิวหนัง และการสูดดมไอของสาร
ระบบ EU
GHS
9 วัตถุกักกร่อน ( corrosive)
สารที่มีความสามารถในการกัดกร่อน อาจทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อ เมื่อสัมผัสโดยตรงหรือจากการสูดดม หรือกลืนกิน
ควรระวังป้องกันตาผิวหนังและเสื้อผ้าเป็นพิเศษ อย่าสูดดมไอของสารกลุ่มนี้ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ เมื่อรู้สึกไม่สบาย ให้ปรึกษาแพทย์ทันที
10 วัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม (dangerous for environment)
สารเมื่อปล่อยสู่สภาพแวดล้อม จะทำไห้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อควรระวัง ไมควรปล่อยลงท่อระบายน้ำ ดิน หรือสิ่งแวดล้อม ไห้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของการกำจัดพิเศษเฉพาะแต่ละสาร
11 วัตถุกัมมันตรังสี (radioactive substance)
สารเคมีที่มีสลายให้สารกัมมันตรังสี
ผลของรังสี ขึ้นอยู่กับ
- ชนิดของรังสี
-ปริมาณที่ได้รับ
การป้องกัน -อยู่ให้ห่างมากที่สูด
-ใช้เวลาให้น้อยที่สุด
-สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเมื่อทำการทดลอง
-เก็บไว้ในที่เหมาะสม
ระบบ EU
นอกจากนี้ยังมีการใช้สัญลักษณ์ความเป็นอันตรายของระบบ NFPA (national fire protection association )
ความไวไฟ (flammable) แสดงด้วยสีแดง ความหมายในตังเลข
ระดับ 4 สารที่ไวไฟมาก ได้แก่สารที่ระเหยเป็นไอได้รวดเร็วหรือได้สมบูรณ์ที่อุณหภูมิห้อง เช่น
ก๊าซที่ติดไฟได้ ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 22c และมีจุดเดือดต่ำกว่า 37 c เป็นต้น
ระดับ 3 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 38 c และของแข็งที่ลุกติดไฟได้ในอากาศที่อุณหภูมิปกติ เช่น ของเหลวติดไฟได้ในประเภท IB และ IC ไนโตรเซลลูโลสชนิดแห้ง เพอร์ออกไซด์ของสารอินทรีย์
ระดับ 2 สารที่ต้องให้ความร้อนปานกลางก่อนที่จะลุกติดไฟในอากาศถ้ามีปริมาณมากๆอาจก่อให้เกิดบรรยากาศเป็นพิษ ได้แก่ ของเหลวในประเภท 2 และ 3A ของแข็งและกึ่งของแข็งที่ไห้ไอสารที่ติดไฟได้ เป็นต้น
ระดับ1 สารประเภทที่ต้องให้ความร้อนสูงก่อนที่จะลุกติดไฟและเผาไหม้ในอากาศ ได้แก่ ของเหลวติดไฟในประเภท 3B รวมทั้งวัตถุทุกชนิด ที่ลุกไหม้ได้ทั่วไประดับ 0 วัตถุที่ไม่ติดไฟ
สุขภาพ(Health) แสดงด้วยสีน้ำเงิน
ระดับ 4_ สารอันตรายถึงตาย แม้ได้รับเพียงเล็กน้อย
ระดับ 3 สารอันตรายสูง
ระดับ 2 สารอันตรายปานกลาง เมื่อ ได้รับในปริมาณที่มากพอ จะทำให้ทุพพลภาพชั่วคราวหรือถาวร ได้
ระดับ 1 สารประเภทเมื่อได้รับในเวลาสั้น ๆ จะเกิดการระคายเคืองได้ เช่น สารจำพวกที่ลุกไหม้จะให้ไอที่ระคายเคืองต่อผิวหนัง และ ต่อตา ระดับ 0 สารประเภทที่ไม่อันตราย
ความไวในปฏิกิริยา (reactivity) แสดงด้วยสีเหลือง
ระดับ 4 สารประเภทที่สามารถสลายตัวหรือเกิดการระเบิดได้ด้วยตัวเองในอุณหภูมิและความดันปกติ
ระดับ 3 สารประเภทที่สามารถสลายตัวหรือเกิดการระเบิดได้ด้วยเมื่อได้รับความร้อนหรือแรงสั่นสะเทือนที่สูงพอ
ระดับ 2 สารประเภทที่เกิดปฏิกิริยาได้รุนแรงในอุณหภูมิและความดันปกติ
ระดับ 1 สารไม่เสถียรเมื่อได้รับความร้อน
ระดับ 0 สารประเภทที่เสถียรสูง
ข้อมูลพิเศษ (special notice) แสดงด้วยสีขาว
OXY =ออกซิไดซ์
ACID = กรด
COR = กัดกร่อน
ALK = เบส
= ห้ามผสมน้ำ สารเมื่อถูกน้ำจะเกิดปฏิกิริยาแล้วปล่อยพลังงานออกมาอย่างรวดเร็ว
COR = กัดกร่อน
ALK = เบส
= ห้ามผสมน้ำ สารเมื่อถูกน้ำจะเกิดปฏิกิริยาแล้วปล่อยพลังงานออกมาอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น