วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559

7. อันตรายจากสารเคมี

สารเคมีอันตรายหรือวัตถุอันตราย หมายถึง สารประกอบทางเคมีหรือสารที่มีองค์ประกอบหรือส่วนผสมไม่ว่าจะป็นสารธรรมชาติหรือสารที่สังเคราะห์ขึ้นที่มีข้อมูลบ่งชี้อย่างชัดเจนว่ามีอันตราย มีลักษณะเฉพาะที่เป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ต่อสุขภาพ เช่น ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ( carcinogen) ส่งผลต่อพันธุกรรม (mutagen) ทำให้ทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อมเสียหาย เนื่องจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น หรือความไม่เสถียรของสารเคมีนั้น
7.1 สารเคมีเข้าสู่ร่างกายอย่างไร
สารเคมีเข้าสู่ร่างกายได้ ทาง
.ทางผิวหนัง ปกติผิวหนังจะสามารถป้องกันอันตรายเข้าสู่ร่างกายได้ แต่หากมีบาดแผลก็จะทำให้สารอันตรายเข้าสู่กระแสเลือดได้
.ทางตา สารเคมีบางชนิดก็ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตา อาจทำลายเยื่อบุตา หรือเป็นอันตรายต่อตา เนื่องจากตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง เมื่อสัมผัสกับสารเคมีจะทำให้เกิดอันตรายมาก เมื่อสารเคมีเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมากๆ
.ทางระบบหายใจ ไอระเหยของสารสามารถแพร่กระจายในบรรยากาศและเข้าสู่ระบบหายใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคางเคืองต่อเยื่อจมูก มัอาการไอและเจ็บหน้าอก สารบางชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเยื่อหุ้มปอด แพร่เข้าสู่กระแสเลือดและเกิดอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆในร่างกาย
.ทางปาก สารเคมีอาจปนเปื้อนเข้าทางปากได้จ่กมือที่หยิบจับ การปนเปื่อนจากเสื้อผ้า ผม เครื่องดื่ม หรือการสูบบุหรี่ ซึ่งสารเคมีอาจอยู่ในรูปฝุ่นหรือสารเติมแต่งในอาหารและเครื่องดื่ม








รูป 7.1 เส้นทางการเข้าสูร่างกายของสารเคมี


7.2 อันตรายจากสารเคมี (chemical toxicity)
อันตรายจากสารเคมีแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1.อันตรายต่อสุขภาพ
2.อันตรายจากการระเบิด
3.อันตรายจากอัคคีภัย

7.2.1 อันตรายต่อสุขภาพ สารเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายก่อให้เกดอาการทันที เรียกว่า อาการเฉียบพลัน (acute effect) จะเกิดอาการขึ้นในเวลาสั้น เมื่อได้รับสารพิษในปริมาณมาก (เกิดภายใน 24 ชั่วโมง หรือบางครั้งเกิดทันที) อาจมีอาการต่อผิวหนังทำให้ป่วยและตาย เช่น การสูดดม (carbon monoxide) เข้าไปในปริมาณที่มาก จะทำให้เกิดเป็นลม NaCNทำให้ตายได้
เกิดอาการภายหลัง (chonic effect) เป็นอาการที่เกิดภายหลัง โดยมีการสะสม เช่น benzene เกิดการสะสมในร่างกายและทำให้เกิดผลต่อระบบประสาท และตายในที่สุดถ้าได้รับการสะสมเป็นปริมาณมาก
ค่าความเป็นพิษของสารเคมี เป็นค่าที่กำหนดเพื่อแสดงปริมาณของสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตราย
ก.       ปริมาณที่ทำให้เสียชีวิต 50% หรือ LD50 (lethal does 50% kill) เป็นค่าทางสถิติที่ระบุว่าสามารถจะทำให้สัตว์ทดลอง เช่น หนูตะเภา ตายได้ ครึ่งหนึ่ง หรือ 50%
ข.       ค่าความเข้มข้นที่ยอมรับได้มากที่สุด (threshold limit value, TLV) หรือ maximum allowable concentration (MAC) คือความเข้มข้นสูงสุดที่มนุษย์สามารถทนได้โดยไม่เกิดอันตราย


ปัจจัยความรุนแรงที่เกิดต่อร่างกาย
-          คุณสมบัติทางเคมี
-          คุณสมบัตรทางกายภาพ
-          ขนาดหรือปริมาณที่ได้รับ
-          ระยะเวลาหรือความถี่ที่ได้รับ
-          ความต้านทานของร่างกายแต่ละบุคคล
-          อายุของบุคคล
-          ความไวต่อสารเคมีของบุคคล
-          ทางที่สารเคมีเข้าสู่ร่างกาย
  สารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายแบ่งได้ 6 กลุ่ม
     1 สารที่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน เช่น กรด เบส
     2 สารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น HCI HF sulfur dioxide จะทำให้เกิดการระคายเคือง เนื่องจากน้ำจากระบบหายใจ
iodine fluorine chlorine bromine ozone phosphorus trichloride phosphorus pentachlorideทำให้ระคายเคืองต่อระบบหายใจและปอด
     NO N2O CoCl2 ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อถุงลม
     Ammonia silver nitrate toluene ระคายเคืองต่อตา
     3 สารที่รบกวนกระบวนการออกซิเดชันในร่างกาย เช่น He CO2 H2 N2 CH4 C2H6 สารเหล่านี้จะเข้าไปแทนที่ O2 ในกระบวนการหายใจ ทำให้หายใจไม่ออก
     CO HCN aniline nitrobenzene sodium nitrite hydrogen sulfide จะทำให้การลำเลียงแก๊สออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อต่างๆผิดปกติ
     4 สารประเภททำให้หมดความรู้สึก เช่น acetylene ethylene ether acetone chloroform
     5 สารที่จัดอยู่ในประเภทยาพิษ ตะกั่ว ปรอท สารหนู NaFทำให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะ เช่น ตับ
     Carbon disulfide methanol ether aldehyde furfural pyridine ก่อให้เกิด อันตรายต่อระบบประสาท
     6 สารก่อมะเร็ง สามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้แก่
     -aromatic amine เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ
     -polycyclic aromatic hydrocarbon (PAH) มักปนในเขท่าน้ำมันดิบ ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
     -สีย้อม azo-dyes ซึ่งใช้ผสมอาหาร
     -nitrosamine
     -carbon tetrachloride เป็นอันตรายต่อไต หัวใจ
     -dimethyl sulfate ก่อให้เกิดมะเร็งในโพรงจมูก
     -dioxineเกิดเนื้องอกในตับและจมูก
     โรคต่างๆที่อาจเกิดกับสารเคมี
     -silicosis ผลจาก silica ใยหิน (asbestos) เข้าสู่ปอด คนไทยพบว่ามีอัตราเสี่ยงต่อโรคนี้เพิ่มขึ้น 20% ในปี 2541
     -black lung disease เกิดจากฝุ่นถ่านหิน ก่อให้เกิดผลต่อปอด
     -asbestosis ผลจาก asbestos ซึ่งเป็น hydrated fibrous silicate
     -pulmonary neoplasiaเป็นอาการที่เกิดสาร polycyclic aromatic hydrocarbon (PAH) เข้าสู่ร่างกายโดยผ่านระบบหายใจ ก่อให้เกิดมะเร็งปอด เช่นผู้สูบบุหรี่ ซึ่งในควันบุหรี่จะมีสารนี้อยู่
     -cadmium ทำให้เกิดโรค itai-itai
     -hematopoietic toxins เกิดจาก benzene นอกจากนี้ benzene ยังก่อให้เกิด leukemia และมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
     -ตะกั่วก็เป็นสารที่ก่อให้เป็น hematopoietic toxins ซึ่งจะสะสมในกระดูก และฟัน ก่อให้เกิดอาการเมื่ออายุมากขึ้น
     -ปรอท ทำให้เกิดโรค minamata
     -beryllium เกิดการทำลายผิวหนังและเนื้อเยื่อสะสมในปอด เกิดโรค beryliosisและอาจเกิดมะเร็งปอดและกระดูก
      -barium จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และอาจเกิดผลกระทบต่อกระเพราะอาหาร ลำไส้และไต
     -copper เกิดผลต่อสัตว์โดยทำลายระบบประสาท
     -manganese เกิดตะคริว (cramps) ใจสั่น อาการเพ้อ
     -nickel เกิดวามผิดปกติในระบบหายใจ และอาจเกิดโรคมะเร็งปอด
     -ดีบุก ทำให้เกิดอัตราต่อพืชและสัตว์ สะสมในระบบประสาท
     -vanadium ก่อให้เกิดการยับยั้งกระบวนการ oxidation ในเนื้อเยื่อ และสังเคราะห์ chloresterol,phospholipidsและ amino acid อาจก่อให้เกิดการตกตะกอนของ serum protein
     -สังกะสี เกิดอาการตัวร้อนมีไข้และคลื่นไส้
     -โรคbysinosisโรคเกิดจากฝุ่นใยฝ้ายในโรงงานทอผ้า ปัจจุบันพบว่าผู้ทำงานด้านนี้มีสมรรถภาพทางปอดผิดปกติ 19.7% โดยมีความเสี่ยงตามวัย ป้องกันโดยใช้อุปกรณ์ป้องกันฝุ่น
     -chromium(VI) มีความเป็นพิษมากที่สุด รองลงมาคือ Cr(III)
Cr(VI) ก่อให้เกิดมะเร็งปอด เมื่ออยู่รูป chromate จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตา จมูก ระบบหายใจ มีผลต่อตับและไต สามารถสะสมในสิ่งมีชีวิต เช่น สาหร่ายทะเล
     -selenium เกิดการระคายเคืองต่อตา จมูก ระบบหายใจ อาจก่อให้เกิดมะเร็งตับ neumonia
     -arsenic เป็นสารพิษ ก่อให้เกิดการตายได้
     -เหล็ก ก่อให้เกิดการตายในปลาได้
     -โรคประสาทหูเสื่อม
     -กรด และเบส อาจก่อให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียนได้
     -โรคพิษจากตัวทำละลายอินทรีย์

      7.2.2 อันตรายจากการระเบิดและการเกิดอัคคีภัย
     สารเคมีบางชนิดไวต่อการกระแทกและเกิดปฏิกิริยารุนแรง เช่น peroxide เมื่อได้รับความร้อนปริมาณมากจะระเบิดได้ สารบางชนิดผสมกันจะเกิดการลุกไหม้ได้ ammonium nitrate (ใช้ทำปุ๋ย) สามารถระเบิดได้


7.3 อันตรายจากสารเคมี
     ป้องกันที่แหล่งกำเนิด
               •   ใช้สารที่อันตรายน้อยกว่า
               • แยกกระบวนการที่มีอันตรายออก
               • การติดตั้งระบบระบายอากาศเฉพาะที่
     ป้องกป้องกันที่ทางผ่าน
               • การระบายอากาศทั่วไป
               • การเพิ่มระยะระหว่างแหล่งกำเนิดกับผู้ปฏิบัติงาน
               •การติดตั้งเคื่องตรวจวัดปริมาณสารเคมีในอากาศ
     ป้องกันที่ตัวบุคคล โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบ และสวมใส่อุปกรณ์ให้เหมาะสม การป้องกันโดยการบริหารจัดการ

7.4 การวิเคราะห์ความเสี่ยง (risk analysis)
     ความเสี่ยง หมายถึง ผลลัพธ์ความน่าจะเกิดอันตรายและผลจากอันตรายนั้น
     อันตราย หมายถึง สิ่งหรือเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
     อุบัติเหตุ หมายถึง เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อาจเกิดจากการที่ไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า หรือขาดการควบคุม แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมีผลทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต หรือสูญเสียต่อทรัพย์สินหรือความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมหรือต่อสาธารณชน
     การวิเคราะห์ความเสี่ยง ประกอบด้วย  3 ขั้นตอน คือ การประเมินความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยง และการสื่อสารความเสี่ยง
     การจัดการความเสี่ยง คือการพิจารณาเพื่อดำเนินการควบคุมหรือจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
     การสื่อสารความเสี่ยง คือขั้นตอนที่องค์กรต้องถ่ายทอดข้อมูลของการประเมินความเสี่ยงนั้นๆให้ประชาชนรับทราบโดยผ่านการสื่อสารแบบต่างๆ

7.5 ระบบการจัดการชีวอนามัยและความปลอดภัย (occupational health and safety management system standards)
     มาตรฐานจัดการชีวอนามัยและความปลอดภัย มอก. 18000 กำหนดขึ้นโดยใช้ BS 8800 (guide to occupational health and safety management systems , OH&S) อนุกรม มอก. 18000 (OHSAS 18000) แบ่งออกเป็น
มอก. 18001 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย: ข้อกำหนดมาตรฐานเลขที่
มอก. 18004 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย: ข้อแนะนำทั่วไป หลักการระบบและเทคนิคในทางปฏิบัติ มาตรฐานเลขที่
มอก. 18001 เป็นมาตรฐานในการจัดการด้านชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อหวังให้องค์กร ได้ตระหนักถึงการจัดการด้านชีวอนามัยและความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานต่างๆ และลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
     การวางแผน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1.        การประเมินความเสี่ยง เป็นการบ่งชี้อันตรายและประมาณความเสี่ยงทุกกิจกรรมและเมื่อใดที่มีกิจกรรมใหม่ ต้องมีการทบทวนการประเมินความเสี่ยงอีก
2.        การติกตามและปรับปรุงตามข้อกำหนด เพื่อความทันสมัยตลอดเวลา
3.        การเตรียมการจัดการ OH&S โดยกำหนดแผนงาน บุคลากรและทรัพยากรเพื่อให้บรรลุนโยบาย
     องค์ประกอบในการบริหารจัดการความเสี่ยงประกอบด้วย
ก.      มาตรการป้องกันและควบคุมสาเหตุของการเกิดอันตราย ได้แก่ การออกแบบ การสร้างและการติดตั้งเครื่องจักร วัสดุได้มาตรฐาน การทำงานหรือการปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่ถูกต้องการฝึกอบรม การปฏิบัติตามข้อกำหนด เป็นต้น
ข.      การวางแผนฉุกเฉินและการซ้อมแผนฉุกเฉิน
ค.      แผนงานปรับปรุงแก้ไข
     แนวทางเพื่อลดความเสี่ยง โดยกำจัดหรือลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ได้แก่
     กำหนดวิธีการทำงานหรือการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง
     กำหนดระบบความปลอดภัย
     จัดให้มีการฝึกอบรม ซ้อมแผนฉุกเฉิน
     และตรวจประเมินความปลอดภัย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น